กรุงคาบูลส่อแตก ตาลิบันปักธงยึดเมืองใหญ่ สหรัฐฯ ทำลายเอกสารสถานทูตก่อนอพยพ

ตาลิบันประชิดกรุงคาบูล ปักธงยึดเมืองสำคัญกว่าครึ่งประเทศ สถานทูตสหรัฐอพยพเจ้าหน้าที่พร้อมทำลายเอกสารลับ

เจ้าหน้าที่ในสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงคาบูลของอัฟกานิสถาน ได้รับคำสั่งให้ทำลายเอกสารสำคัญระดับชั้นความลับพร้อมอุปกรณ์สำคัญของสถานทูต เป็นการด่วน ก่อนจะดำเนินการอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตออกจากประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่กลุ่มตาลิบันกำลังรุกคืบเข้าใกล้เมืองหลวงของอัฟกานิสถานมากขึ้น

โดยขณะนี้กลุ่มตาลิบัน สามารถเข้ายึดเมืองใหญ่อันดับที่ 2 และ 3 ของประเทศอย่างเมืองกันดาฮาร์ และเฮรัต ได้สำเร็จแล้ว ส่งผลให้มีความวิตกว่าตาลิบันอาจรุกคืบยึดครองกรุงคาบูล ซึ่งเป็นเมืองหลวง ในอีกไม่กี่วัน ส่งผลให้ล่าสุดยืดเมืองเอกไว้ได้ราว 10 แห่ง แล้ว

ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตัวเองเข้ามาที่กรุงคาบูลอันเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายเพื่อความปลอดภัย หลายครอบครัวต้องพำนักอยู่ตามถนนหนทางของเมือง

ตามรายงานของบีบีซีระบุว่า นับตั้งแต่ที่กองกำลังสหรัฐฯ และพันธมิตรถอนทหารพ้นอัฟกานิสถาน กลุ่มตาลิบันได้ฟื้นคืนชีพบุกยึดเมืองต่างๆ ให้กลับเข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองของตนได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีพลเรือนพลัดถิ่นลี้ภัยสงครามแล้วกว่า 2 แสนราย จำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วยถึง 72,000 คน

การที่ตาลิบันสามารถปักธงยึดเมืองใหญ่อันดับสองและสามของประเทศได้สำเร็จ ถือเป็นความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากก่อนหน้านี้เมืองกันดาฮาร์ถือเป็นแหล่งต้นกำเนิดของกลุ่มตาลิบัน เมื่อปี 2537 ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเรียกตนเองว่ากลุ่มอิสลามมิเรต และเมืองกันดาฮาร์ยังคงเป็นสถานที่ตั้งของฐานทัพขนาดใหญ่อันดับสองของสหรัฐ ตลอด 20 ปีที่อยู่ในอัฟกานิสถาน

ขณะที่เมืองเฮรัต เคยเป็นเมืองฐานที่มั่นของ โมฮัมหมัด อิสมาอิล ข่าน ขุนศึกและนักการเมืองคนสำคัญที่เป็นศัตรูคู่แค้นของตาลิบันมายาวนาน โดยจากการเข้ายึดเมืองเฮรัต กลุ่มตาลิบัน กล่าวว่า โมฮัมหมัด อิสมาอิล ข่าน พร้อมพวก ยอมจำนนภายใต้ข้อตกลงที่รับประกันว่าพวกเขาจะได้รับการนิรโทษกรรม

รายงานระบุว่าคำสั่ง “ทำลายฉุกเฉิน” ครอบคลุมถึงเอกสารที่มีเนื้อหาเปราะบางหรือมีความสำคัญด้านความมั่นคง รวมถึงอุปกรณ์ของสถานทูต รวมถึงวัตถุใดก็ตามที่อาจกลายเป็นสื่อประชาสัมพันธ์การโฆษณาชวนเชื่อต่อกลุ่มตาลิบัน ซึ่งรวมถึงธงชาติสหรัฐ โดยคงเหลือไว้เพียงผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญเท่านั้น

สหรัฐเตรียมส่งทหารจำนวน 3,000 นายเพื่อช่วยเหลือในการอพยพพนักงานออกจากสถานทูตประจำอัฟกานิสถาน ขณะที่สหราชอาณาจักรเตรียมจัดส่งทหารราว 600 นายเพื่ออพยพประชาชนออกจากประเทศ เช่นเดียวกับ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี แคนาดา และนอร์เวย์ ที่เตรียมอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตรวมถึงพลเมืองของตนออกจากพื้นที่เช่นกัน

ความคืบหน้าดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์การรุกคืบของกลุ่มตาลิบัน ที่กลับมาเริ่มมีอำนาจในอัฟกานิสถานอีกครั้ง ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือน หลังจากที่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรถอดทหารชุดสุดท้ายออกจากอัฟกานิสถาน

เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ กล่าวเตือนว่า อัลกออิดะห์จะกลับมาครองอำนาจในอัฟกานิสถานอีกครั้ง หลังจากที่กลุ่มนักรบชาวตาลิบันสามารถยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศได้สำเร็จ

วอลเลซ ยังแสดงความกังวลอย่างมากว่า อัฟกานิสถานจะกลับมาเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายอีกครั้ง

ทั้งนี้ กลุ่มตาลิบันได้ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง ยืนยันว่ายังคงไม่ปิดประตูการเจรจาตามกระบวนการทางการเมืองและการทูตต่อรัฐบาลกรุงคาบูล แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน ตอบโต้ว่าแม้ตาลิบันจะออกแถลงการณ์ดังกล่าว แต่พวกเขาไม่มีวันจะยอมเจรจาโดยดี ตราบใดที่คณะรัฐมนตรีและประธานาธิบดีอัชราฟ กานี ยังไม่ยอมลาออกเนื่องจากตาลิบันมองว่ารัฐบาลอัฟกันชุดนี้คือหุ่นเชิดของวอชิงตัน