คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่มีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกหมุนเวียน 10 ประเทศ ก็จัดประชุมด่วนเมื่อช่วงสายวันอังคาร (22 ก.พ.) ตามเวลาไทย พบว่าเป็นการประชุมที่ตึงเครียดยาวนานถึง 90 นาที ก่อนจะเลิกการประชุม และระหว่างการประชุมนี้ก็พบว่าตัวแทนของหลายประเทศก็เรียกร้องให้เกิดสันติภาพโดยเร็ว และใช้หนทางทางการทูตมาเจรจาไม่ให้เกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน

อย่างไรก็ตาม ระหว่างนั้นก็เกิดการโต้ตอบด้วยคำพูดขึ้นมาด้วย หนึ่งในนั้นคือ นางลินดา ธอมัส-กรีนฟีลด์ ทูตสหรัฐประจำองค์การสหประชาชาติ พูดออกมาว่า คำพูดที่รัสเซียอ้างว่าจะเข้าไปรักษาสันติภาพในภาคตะวันออกของยูเครนนั้นเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่ารัสเซียเข้าไปทำอะไร แล้วก็บอกว่านายปูตนอยากย้อนเวลากลับไปตอนที่โซเวียตเป็นมหาอำนาจโลก แต่อย่าลืมว่านี่ไม่ใช่ปี 1919 หรือปี 2462 ซึ่งเป็นปีที่ก่อตั้งสหภาพโซเวียตแล้ว

ด้านตัวแทนของสหราชอาณาจักร ท่านผู้หญิงบาร์บารา วูดเวิร์ด พูดว่า การกระทำที่รัสเซียเลือกมาในวันนี้จะก่อให้เกิดผลตาามาที่ร้ายแรงและไกลเกินแก้ อย่างแรก คือ ต่อชีวิตมนุษย์ เพราะการบุกยูเครนจะก่อให้เกิดสงคราม ความตาย และความเสียหายต่อชาวยูเครนแน่นอน

หลังจากได้ยินหลายชาติวิจารณ์การตัดสินใจของรัสเซีย ตัวแทนของรัสเซีย นายวาซิลี เนเบนซ์ยา ที่เงียบอยู่นานกว่าชั่วโมง ก็พูดขึ้นมาว่าทุกประเทศมาคุยกันหรือจะลากรัสเซียมาด่ากันแน่ และบอกว่ารัสเซียจะไม่ตอบอะไรทั้งนั้น แถมบอกว่าชาติตะวันตกต่างหากที่ไม่เห็นหัวประชาชนในภาคตะวันออกของยูเครนเกือบ 4 ล้านคน ด้วยการนำอาวุธมหาศาลเข้าไปในยูเครน

นายแซร์กี กีสลิตส์ยา ตัวแทนของยูเครน ตอบโต้ว่าพรมแดนของยูเครนจะไม่เปลี่ยนแปลงแม้รัสเซียบุกเข้ามาก็ตาม และเรียกร้องให้รัสเซียยกเลิกการตัดสินใจในการรับรอง 2 จังหวัดทางตะวันออกของยูเครนเป็นรัฐอิสระ และให้กลับมาสู่การเจรจา