จับสจ๊วตสายการบินสหรัฐฯ ขโมยตัวตนเด็กที่ตายไปแล้ว นานกว่า 20 ปีไม่มีใครรู้

ชายบราซิลขโมยตัวตนเด็กที่ตายไปแล้ว ใช้ชีวิตมานานกว่า 20 ปี ไม่มีใครรู้ แถมยังทำงานเป็นสจ๊วตสายการบินชื่อดังของสหรัฐฯ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชายชาวบราซิลรายหนึ่งซึ่งทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ขโมยตัวตนแอบอ้างเป็นเด็กชายชาวแอตแลนตาที่เสียชีวิต มานานกว่า 2 ทศวรรษ จากการเปิดเผยของอัยการกลางสหรัฐฯ

ในคำฟ้อง ริคาร์โด เซซาร์ กูเอเดส วัย 49 ปี ถูกกล่าวหาขโมยตัวตนของ วิลเลียม อีริคสัน แลดด์ เด็กชายชาวแอตแลนตาที่เสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ในรัฐวอชิงตันเมื่อปี 1979 สำหรับยื่นขอพาสปอร์ตสหรัฐฯ ในปี 1998 และยื่นต่ออายุมาแล้ว 6 รอบจนถึงปี 2020

จากนั้น กูเอเดส ซึ่งพื้นเพเป็นคนในรัฐเซาเปาลูของบราซิล ก็ใช้ชื่อของเด็กชายที่เสียชีวิตไปแล้วสำหรับแต่งงานและจดจำนองในฮิวสตัน ซึ่งระบุอาชีพของเขาในฐานะพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินของสายการบินยูไยเต็ด แอร์ไลน์ส

ไม่พบบันทึกว่าเขายื่นคำร้องหรือได้รับสัญชาติสหรัฐฯ ผ่านการขอแปลงสัญชาติเป็นพลเมืองสหรัฐฯ (Naturalization) แต่อย่างใด

ว่ากันว่าทีมสืบสวนสืบพบตัวตนที่แท้จริงของ กูเอเดส ผ่านการเปรียบเทียบลายนิ้วมือที่เขาเคยยื่นเอกสารประจำตัวประชาชนบราซิลในช่วงทศวรรษ 1990

เขาถูกจับกุมที่สนามบินนานาชาติจอร์จ บุช ในเดือนกันยายน เมื่อเขาใช้ตัวตนของเด็กชายผู้เสียชีวิตเข้าไปยังพื้นที่หวงห้ามเฉพาะเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยาน หลังทีมสืบสวนตรวจสอบพบสิ่งบ่งชี้กลโกงต่างๆ เกี่ยวกับพาสปอร์ตของเขา

ด้าน เดบรา ลีนน์ ฮายส์ มารดาของแลดด์ ยืนยันกับทีมสืบสวนของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมาว่า ลูกชายของเธอเสียชีวิตมานานแล้ว คำฟ้องระบุในขณะที่คำฟ้องได้กล่าวหา กูเอเดส ขโมยตัวตนผู้อื่น ให้การเท็จในการยื่นขอพาสปอร์ตและความผิดอื่นๆ อีกหลายกระทง

ตามรายงานระบุว่า กูเอเดส ปฏิบัติหน้าที่บนเที่ยวบินของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส 40 เที่ยวบิน ในปี 2020 โดยใช้ชื่อของแลดด์ และเวลานี้เขาถูกควบคุมตัวระหว่างการพิจารณาคดี

ขณะที่ โฆษกของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ยืนยันว่า ทางบริษัทเคยเป็นนายจ้างของกูเอเดสจริง แต่เขาไม่ได้ทำงานให้บริษัทแล้ว

“ยูไนเต็ด มีกระบวนการตรวจสอบอย่างละเอียดสำหรับพนักงานใหม่ที่สอดคล้องกับข้อบังคับตามกฎหมายรัฐบาลกลาง”

อย่างไรก็ตาม ทนายความของกูเอเดส ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่มีต่อลูกความของเขา

รายงานข่าว ระบุอีกว่า สำนักงานความมั่นคงด้านการทูต หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายภายใต้สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้ดำเนินการตรวจสอบสืบสวนกลโกงพาสปอร์ตราวๆ 5,000 คดีต่อปี

แต่ กูเอเดส ไม่เคยมีประวัติทางอาญามาก่อน และครั้งที่เผชิญหน้ากับทีมสืบสวนรัฐบาลกลางในเดือนกันยายน เขาระบุตัวตนในฐานะ วิลเลียม อีริคสัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะแสดงเอกสารรับรองการเสียชีวิตของเด็กชายให้เขาดู รวมถึงรูปถ่ายหลุมศพของเด็กชายในแอละแบมา

จากนั้น กูเอเดส ก็ยอมลงนามในเอกสารพิมพ์ลายนิ้วมือโดยใช้ชื่อจริง เขาบอกกับเจ้าหน้าที่ที่มาจับกุมว่า “ผมมีความฝัน แต่ความฝันมันจบลงแล้ว” และ “ตอนนี้ผมคงต้องเผชิญหน้ากับความจริง”