ภาครัฐของจีนสั่งห้ามเดินทางเข้าออกนครเฉิงตู มณฑลเสฉวน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ที่มีประชากรถึง 21 ล้านคน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดี (1 ก.ย.) หลังจากมีการรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อ 157 คนเมื่อวันพุธ (31 ส.ค.) และมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมในระลอกล่าสุดในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมากว่า 700 คน

นอกจากการห้ามเดินทางเข้าออกแล้ว ประชาชนในเมืองยังต้องอาศัยอยู่ในที่พักอาศัยเท่านั้น โดยมีข้อยกเว้นเพียงมีธุระจำเป็นจริงๆ เช่น ไปพบแพทย์ด่วน ไม่ใช่แค่นั้น แต่ละครอบครัวยังส่งสมาชิกออกไปซื้อสินค้าที่จำเป็นได้เพียง 1 คน 1 ครั้งต่อวัน และจะออกจากเมืองได้ก็ต้องมีผลตรวจเป็นลบภายใน 24 ชั่วโมงก่อนเดินทาง

การล็อกดาวน์ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่การล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ทั้งยังสะท้อนว่าจีนยังคงเดินหน้าตามนโยบายกดตัวเลขผู้ติดโรคโควิด-19 ให้เป็นศูนย์เช่นเดิม

ส่วนมาตรการในการควบคุมโรคนั้น เย็นวันพฤหัสบดี (1 ส.ค.) ภาครัฐจะเริ่มตรวจหาเชื้อครั้งใหญ่กับประชากรทุกคนเมือง

นโยบายการกดตัวเลขผู้ติดเชื้อให้เป็นศูนย์นั้นเผชิญความท้าทายขึ้นเรื่อยๆ จากไวรัสโคโรนา 2019 ชนิดกลายพันธุ์ใหม่ๆ ที่มีความสามารถแพร่กระจายได้มากขึ้น

นายหยาง เสียว-กว่าง ประธานคณะกรรมการสาธารณสุขนครเฉิงตู กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันอังคาร (30 ส.ค.) ว่าที่ผ่านมานครเฉิงตูเผชิญกับอากาศร้อนสุดขั้ว ทำให้ประชาชนจำนวนมากไปพักผ่อนในสถานที่ในร่มและสวนน้ำ จึงเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายไวรัส