เวลานี้อินเดียกำลังเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวประจำปี ประชาชนจำนวนมากต่างเดินทางไปพักผ่อนที่เมืองริมทะเล ริมภูเขา เพื่อชดเชยที่ต้องอยู่กับบ้านมานานในช่วงการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19
แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเตือนว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากตามเมืองตากอากาศต่าง ๆ อาจทำให้ความพยายามต่อสู้กับโควิด-19 ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องกลายเป็นความสูญเปล่า
กระทรวงสาธารณสุขอินเดียเรียกปรากฎการณ์แห่ท่องเที่ยวในขณะนี้ว่า “การเที่ยวเพื่อแก้แค้น” หลังจากที่ต้องอยู่ภายใต้ความเครียดและความกดดันจากมาตรการล็อกดาวน์มานานหลายเดือน
อินเดียเพิ่งเผชิญกับการระบาดครั้งใหญ่ระลอกที่สองเมื่อเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม ซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อสูงสุดถึงวันละ 4 แสนคน เสียชีวิตวันละหลายพันคน ระบบสาธารณสุขล่มสลาย ไม่มีเตียงรองรับผู้ป่วย ตลอดจนขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็นและออกซิเจน
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การระบาดดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีการชุมนุมทางศาสนา การรณรงค์ทางการเมือง และการเดินทางกลับภูมิลำเนาทั่วประเทศ ประกอบการกลายพันธุ์ของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์เดลตา
ภายหลังการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ ประชาชนส่วนใหญ่ต่างใช้เวลาอยู่กับบ้าน และการระดมฉีดวัคซีน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตค่อย ๆ ลดลง จนทางการสามารถผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ภาพความแออัดยัดเยียดของประชาชนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่งปรากฎตามสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้รัฐบาลเกิดความกังวลอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรี นเรนธรา โมดี กล่าวเมื่อวันอังคารว่า เป็นเรื่องที่ “ไม่โอเค” ที่เห็นประชาชนไม่สวมหน้ากากและแออัดกันตามแหล่งท่องเที่ยวหรือตลาดต่าง ๆ
ความกังวลดังกล่าวยิ่งเพิ่มขึ้นเนื่องจากขณะนี้มีประชาชนอินเดียเพียง 5% เท่านั้นที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว
สมาคมการแพทย์อินเดีย หรือ IMA ได้มีคำร้องไปถึงรัฐบาลส่วนท้องถิ่นและพลเมืองในรัฐต่าง ๆ ว่าอย่าเพิ่งลดการ์ดลง และให้รอไปก่อนอีกสักสองสามเดือนเพื่อให้มีประชาขนได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเกิดการระบาดระลอกที่สามได้
ถึงกระนั้น ดูเหมือนแต่ละรัฐต่างมีการตอบสนองต่อคำเตือนนี้แตกต่างกันไป เช่น รัฐอุตตรขัณฑ์ได้ยกเลิกพิธีแสวงบุญทางศาสนาเพื่อป้องกันไม่ให้มีศาสนิกชนเดินทางเข้าไปมากขึ้น แต่รัฐอุตตรประเทศที่อยู่ติดกันยังคงอนุญาตให้พิธีดังกล่าวจัดขึ้นได้ต่อไป
ทั้งนี้ “การเที่ยวแก้แค้นล็อกดาวน์” ดูเหมือนจะถูกใจผู้ประกอบธุรกิจในหลายรัฐที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก เช่น รัฐหิมาจัลประเทศ เพราะสำหรับเจ้าของธุรกิจจำนวนมาก ความกังวลจากการติดเชื้อโคโรนาไวรัสอาจไม่ร้ายแรงเท่าความเสียหายจากธุรกิจที่ถูกปิดยาวในช่วงของการระบาดใหญ่นี้