ชีวิตไม่ง่าย สาวตกงานหันเปิดร้านอาหาร ไม่กี่วันร้องไห้สะอึกสะอื้น อัดคลิปรีวิวจนเป็นไวรัล

เรื่องราวของหญิงสาววัย 25 ปี ที่ร้องไห้อย่างหมดกำลังใจเมื่อพูดถึงความยากลำบากในการทำมาหากิน กลายเป็นคลิปที่มียอดผู้เข้าชมพุ่งสูงขึ้น อีกทั้งยังติดอันดับ 1 การค้นหาที่ร้อนแรงบนโซเชียลเน็ตเวิร์กของจีน

ตามรายงานพบว่า หญิงสาวคนดังกล่าวชื่อ หยูเหวิน เกิดในปี 1998 ที่หมู่บ้านเล็กๆ ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน เธอและน้องสาวฝาแฝดเกิดมาในครอบครัวธรรมดา แต่ทั้งสองก็ทำงานอย่างหนักจนได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย เพราะรู้ดีว่าการเรียนเป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จที่ง่ายและสั้นที่สุด  

ในเดือนพฤษภาคมปี 2020 หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เธอประสบความสำเร็จในการหางานในแวดวงสื่อในเฉิงตู ด้วยเงินเดือน 7,000 ดอลลาร์ไต้หวัน/เดือน ชีวิตราบรื่นดีจนกระทั่งเมื่อปลายปี 2565 นี้เอง บริษัทของเธอปิดตัวลงและทำให้เธอต้องกลายเป็นคนตกงาน  แม้ว่าเธอจะพยายามหางานอื่นในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ แต่ในเวลานั้นการเดินทางหางานใหม่ไม่ราบรื่นนัก  

หลังจาก 3 เดือนของการดิ้นรนเนื่องจากการว่างงาน เธอก็ตัดสินใจเปิดแผงขายอาหารใกล้ประตูโรงเรียนในตอนแรกรายได้ค่อนข้างดี เว้นเฉพาะวันที่ฝนตกและวันหยุดสุดสัปดาห์ที่นักเรียนไม่ได้ไปโรงเรียน  อย่างไรก็ตาม มีบางวันที่การค้าขายขาดทุน และทำให้เธอรู้สึกหดหู่ใจ อีกทั้ง ความยากลำบากจากการทำงานกลายเป็นสาเหตุทำให้เธอรู้สึกหมดหวัง

หญิงสาวบอกว่าเธอต้องตื่นตี 5 เพื่อเตรียมวัตถุดิบทำอาหาร และในขั้นตอนของการตั้งแผงขาย เธอก็ยังจะต้องเจอปัญหาเร่งด่วนมากมาย ในขณะเดียวกัน แรงกดดันในการหาเลี้ยงตัวเองและปัญหาการจ่ายค่าเช่าแพงๆ ก็หนักอึ้งอยู่ในหัวของเธอตลอดเวลา  ในท้ายที่สุดเธอสรุปว่าเมื่อเทียบกับการเปิดร้านค้า งานก่อนหน้านี้ในฐานะลูกจ้างยังมีความสุขมากกว่า และลำบากน้อยกว่ามาก  

เรื่องราวของหญิงสาววัย 25 ปี ที่ร้องไห้และแบ่งปันความยากลำบากของเธอ จู่ๆ ก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากชุมชนออนไลน์ ติดอันดับการค้นหายอดนิยมบน Weibo เพียงไม่กี่วันจำนวนผู้ติดตามของหญิงสาวก็เพิ่มขึ้นจาก 5 คน เป็นมากกว่า 300 คน หลายคนเห็นด้วยว่าชีวิตการว่างงานทำให้คนหนุ่มสาวลำบากมาก นอกจากนี้ พวกเขายังขอบคุณเธอที่ทำให้เห็นว่าการเลิกทำงานออฟฟิศเพื่อหางานอื่นนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด  

อย่างไรก็ดี หยูเหวิน เปิดเผยกับสื่อว่า การเปิดร้านค้าเป็นทางเลือกระยะสั้นเร่งด่วนในการแก้ปัญหาการว่างงาน ในอนาคตเธอยังคงต้องการทำงานในอุตสาหกรรมสื่อเหมือนเดิม