ตำรวจกัมพูชา ยืนยันไม่ส่งตัวชายไนจีเรีย ผู้ป่วยฝีดาษลิงกลับไทย ส่งตัวไป รพ.แล้ว

ตำรวจกัมพูชา ยืนยันไม่ส่งตัวชายไนจีเรีย ผู้ป่วยฝีดาษลิงกลับไทย เป็นไปตามหลักสากล ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบกัมพูชา

เมื่อวานนี้ (24 ก.ค.65) มีรายงานความคืบหน้าของกรณีชายชาวไนจีเรียวัย 27 ปี ผู้ป่วยและติดเชื้อฝีดาษลิง ที่เดินทางหลบหนีการเข้ารักษาตัวจาก จ.ภูเก็ต และลักลอบข้ามชายแดน จ.สระแก้ว ไปยังประเทศกัมพูชา ด้วยช่องทางธรรมชาติ ซึ่งหลังเจ้าหน้าที่กัมพูชาออกติดตามตัว ผู้ป่วย “ฝีดาษวานร” รายแรกในไทย จนสามารถพบตัวที่กรุงพนมเปญเมื่อช่วงของวันที่ 23 ก.ค. โดยมี พ.ต.ท. เมียจ ชวนสีมูลีน รอง ผกก.ปราบปราม สน.จอมกามอน ราชธานีพนมเปญ ระบุว่า สามารถจับกุมชาวไนจีเรียฯ ดังกล่าว ได้ที่บ้านเช่า ชื่อปัวเมี๊ยะ(สีทอง) ถนน 430 วงเวียนตลาดเดิมถะโกว เขตจอมกามอน ราชธานีพนมเปญ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขดำเนินตามขั้นตอนทางกฎหมาย และขั้นตอนการควบคุมโรค

ทั้งนี้ พล.ต.อ.วรรณวีระ สม ผู้ช่วย ผบ.ตร.กัมพูชา ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนไทยใน จ.สระแก้ว ว่า หลังเจ้าหน้าที่กัมพูชาตรวจค้นและจับได้แล้วยืนยันว่า เป็นคนเดียวกับที่หลบหนีจากประเทศไทย จับได้ที่ตลาดเดิ้มโก๊ กรุงพนมเปญ ขณะนี้ถูกนำตัวไปรักษาที่ รพ.Cambodia Russia Friendship Hospital ส่วนการจะส่งตัวชาวไนจีเรียรายนี้กลับมาที่ประเทศไทยหรือไม่ ผู้ช่วย ผบ.ตร.กัมพูชา บอกว่า จะไม่มีการส่งตัวกลับไปที่ประเทศไทย เพราะเหตุเกิดที่กัมพูชา ก็ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่กัมพูชามีอยู่

สำหรับบรรยากาศที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว วันนี้ ยังคงมีชาวกัมพูชาและนักท่องเที่ยวเดินทางข้ามแดนคึกคักเช่นปกติ ภายใต้มาตรการเข้มงวดด้านการควบคุมโรคและสิ่งของผิดกฎหมาย ซึ่งส่วนใหญ่ชาวกัมพูชาที่เข้ามาในประเทศไทย จะเข้าไปทำงานและค้าขายในพื้นที่ตลาดโรงเกลือตลาดการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจากการตรวจสอบตัวเลขรายงานการเดินทางเข้า-ออก ของบุคคล ผ่านด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก เมื่อวันก่อนตั้งแต่เวลา 06.00–22.00 น. พบว่า มีชาวไทย กัมพูชาและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย รวม 14,109 คน เป็นคนไทย 5,545 คน กัมพูชา 8,311 คน และสัญชาติอื่น ๆ 253 คน และเดินทางออกไปยังฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา รวม 13,013 คน เป็นคนไทย 5,018 คน กัมพูชา 7,734 คน และสัญชาติอื่น ๆ 261 คน

ทางด้าน นพ.ประภาส ผูกดวง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า กรณีของชายชาวไนจีเรียวัย 27 ปี ที่ติดเชื้อโรคฝีดาษวานร หลบหนีไปกัมพูชา และถูกทางการกัมพูชาตามจนพบตัวที่กรุงพนมเปญนั้น ไทยเป็นประเทศต้นทางที่พบเชื้อ แต่หากจะนำกลับมาประเทศไทยก็เป็นกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศ และกรมควบคุมโรคระหว่างประเทศ โดยมีตรวจคนเข้าเมืองร่วมประสาน แต่เคสนี้น่าจะไม่มีการส่งตัวกลับมาประเทศไทย เหตุเกิดที่ประเทศไหนก็ต้องดำเนินการรักษาและควบคุมโรค ให้เป็นไปตามหลักสากล ส่วนพื้นที่ จ.สระแก้ว ซึ่งชาวไนจีเรียเดินทางมานั้น จากการสืบสวนโรคของเจ้าหน้าที่ ยังไม่พบว่า มีกลุ่มเสี่ยงหรือคนที่เสี่ยงติดเชื้อ เพราะเขาไม่ได้ลงมาอยู่ในพื้นที่ แค่ผ่านและข้ามไป