นายกรัฐมนตรีแคนาดาเตรียมยุบสภาและจัดเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนด 2 ปี ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ หวังครองเสียงข้างมากเพื่อสู้วิกฤตสาธารณสุขและเศรษฐกิจ
จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปที่เร็วกว่ากำหนดถึง 2 ปี ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ หลังเดินทางเข้าพบ แมรี ไซมอน ผู้สำเร็จราชการแทนสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ประมุขแห่งเครือจักรภพอังกฤษ เพื่อขอให้มีการยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่อย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าประสงค์ในการครองอำนาจที่มากขึ้นในการแก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุขของประเทศท่ามกลางวิกฤตโควิด-19
ทรูโด นายกฯ แคนาดา 2 สมัยในวัย 49 ปี เลือกที่จะเสี่ยงขอยุบสภาและจัดเลือกตั้งใหม่ โดยหวังว่าการดำเนินงานของรัฐบาลภายใต้พรรคเสรีนิยมของเขาที่สามารถฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบ 2 โดสให้กับประชาชนวัยผู้ใหญ่ได้มากกว่า 71% ในปัจจุบัน และแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจระหว่างและหลังวิกฤตโควิดจะสามารถเรียกคะแนนเสียงจากประชาชนจนสามารถทำให้เขาครองเสียงข้างมากในสภาได้
บริหารงานยากเพราะครองเสียงข้างน้อย
ปัจจุบัน ทรูโด ครองเสียงข้างน้อยในสภาซึ่งส่งผลให้เขาต้องพึ่งเสียงจากพรรคอื่นในการทำงานและออกนโยบาย ผลโพลล่าสุดในวันที่ 12 ส.ค. จาก Leger Marketing ชี้ว่า พรรคเสรีนิยมของทรูโดมีแนวโน้มสูงที่จะกลับมาชนะอีกครั้งในสมัยที่ 3 แต่มีความเป็นไปได้สูงมากว่าเขาจะยังไม่สามารถครองเสียงข้างมากในสภาได้อยู่ดี โดยผลโพลระบุว่าทรูโดจะได้ชัยชนะด้วยคะแนน 35% ของการเลือกตั้ง ขณะที่ 30% จะเป็นของฝั่งพรรคฝ่ายค้านหลักอย่างพรรคอนุรักษนิยม และอีก 19% จะไปอยู่กับพรรคเดโมแครตส์ใหม่แทน
ทั้งนี้ ทรูโด กล่าวในระหว่างการแถลงกับผู้สื่อข่าวว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญและสร้างผลกระทบอย่างต่อเนื่องต่อแคนาดา” พร้อมระบุอีกว่า “รัฐบาลจะต้องตัดสินใจในสิ่งที่จะมีผลต่อไปอีกหลายทศวรรษไม่ใช่เพียงแค่หลายเดือนหลังจากนี้ ชาวแคนาดาจึงควรมีสิทธิมีเสียงในเรื่องนี้ด้วย และนั่นคือสิ่งที่รัฐบาลต้องการจะมอบให้กับพวกเขา”
ผลประโยชน์ทางการเมือง
การประกาศขอยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ได้รับเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่าย หนึ่งในนั้นคือ เอริน โอทูล ผู้นำจากพรรคอนุรักษนิยม ที่ระบุว่าความพยายามในการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ของทรูโดเป็นก้าวที่ทำลายความพยายามของชาวแคนาดาในการรับมือกับโรคระบาด
“เราไม่ควรเสี่ยง (จัดการเลือกตั้งใหม่) เพื่อเกมการเมืองและผลประโยชน์ทางการเมือง” โอทูล กล่าว
ปัจจุบัน รัฐบาลพรรคเสรีนิยมใช้งบประมาณมหาศาลไปกับการจ่ายเงินเยียวยาภาคธุรกิจและประชาชน เพื่อจำกัดความเสียหายจากผลกระทบของโควิดให้ได้มากที่สุด ส่งผลให้ทั้งหนี้สาธารณะและการขาดดุลงบประมาณแตะระดับที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งพรรคเดโมแครตส์ใหม่และพรรคอนุรักษนิยมต่างเดินหน้าประณามการจัดการเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนดในช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา ย้ำว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นและเรียกความเคลื่อนไหวนี้ว่าเป็นการพยายาม “ไขว่คว้าอำนาจ” ของจัสติน ทรูโด