นายเยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการใหญ่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ กล่าวเมื่อวันพุธ (17 พ.ย.) ว่าผลการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นชี้ได้ว่าระเบิดที่ตกในดินแดนของโปแลนด์เมื่อวันอังคาร (15 พ.ย.) เกิดจากฝีมือยูเครน

“การวิเคราะห์เบื้องต้นของเราชี้ว่าเหตุการณ์นี้น่าจะเกิดจากการที่ขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนถูกยิงออกไปเพื่อต่อต้านการโจมตีด้วยขีปนาวุธนำวิถีของรัสเซีย” นายสโตลเตนเบิร์ก กล่าว

แต่นายสโตลเตนเบิร์ก กล่าวเสริมว่า การสอบสวนดังกล่าวยังดำเนินไปจนกว่าจะทราบข้อเท็จจริงที่แน่ชัด แต่ก็ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่ามิสไซล์ที่ตกในโปแลนด์ดังกล่าวเป็นการโจมตีโดยเจตนา และไม่มีอะไรบ่งชี้ว่ารัสเซียกำลังปฏิบัติการทางทหารต่อต้านนาโต

สอดคล้องกับคำกล่าวของนายอันดร์เจย์ ดูดา ประธานาธิบดีโปแลนด์ ว่ามีหลายข้อบ่งชี้ว่ามิสไซล์ดังกล่าวอาจจะเป็นจรวดรุ่น เอส-300 ที่ผลิตในรัสเซีย ซึ่งถูกยิงออกมาโดยยูเครนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศ และโชคร้ายที่ตกลงในดินแดนของโปแลนด์

ด้านนายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐยังไม่มีอะไรโต้แย้งว่ามิสไซล์ดังกล่าวเกิดจากระบบการป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนตามที่โปแลนด์ประเมินในเบื้องต้น

ต่างจากนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ที่เชื่อว่ามิสไซล์ที่ตกในโปแลนด์และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 คนเมื่อวันอังคาร (15 พ.ย.) นั้นไม่ใช่ฝีมือของยูเครนอย่างแน่นอน