ยูเครนสู้สุดฤทธิ์ ทำรัสเซียสูญเสียหนัก เจรจาสันติรอบแรกยังไร้ผล

รัสเซียยังคงเดินหน้าบุกยึดเมืองสำคัญต่างๆ ของยูเครนเป็นวันที่ 6 หลังจากคณะผู้แทนของทั้งสองฝ่ายเจรจากันเป็นครั้งแรกค่ำวานนี้ที่ชายแดนประเทศเบลารุส ข้อเรียกร้องของยูเครน ต้องการให้รัสเซียหยุดยิงทันที และถอนทหารทั้งหมดออกจากยูเครน ทางด้านรัสเซียต้องการให้ยูเครนสถาปนาระบอบประชาธิปไตยครั้งใหม่ และให้ยูเครนเป็นเขตปลอดทหาร การเจรจารอบแรกจึงยังไม่บรรลุข้อตกลงใดๆ 

เมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.พ.) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งให้กองกำลังนิวเคลียร์ของรัสเซียตื่นตัวในระดับสูงเพื่อเตรียมพร้อมรบ คำสั่งดังกล่าวเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ชุดมาตรการการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของพันธมิตรชาติตะวันตก รวมถึงเป็นการตอบโต้แถลงการณ์อันแข็งกร้าวของสหภาพยุโรปที่มีต่อรัสเซีย

ส่วนสถานการณ์สู้รบ รัสเซียยังคงระดมยิงขีปนาวุธใส่เมืองต่างๆ การรุกทางอากาศ และทางบกถูกต้านทานอย่างหนักจากกองทัพและพลเรือนยูเครน มีรายงานความเสียหายจาก The Kyiv Independent สื่ออิสระยูเครนอ้างถึงแหล่งข้อมูลของกองทัพว่า การสู้รบถึงวันจันทร์ (28 ก.พ.) รัสเซียสูญเสียทหารไปแล้ว ตัวเลขไม่เป็นทางการอยู่ที่ 5,300 นาย รถถังอีก 191 คัน รถหุ้มเกราะมากกว่า 816 คัน เครื่องบินรบ 29 ลำ และเฮลิคอปเตอร์อีก 29 ลำ ทางด้านยูเครน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 406 คน ในจำนวนนั้นมีเด็กอยู่ด้วย และมีผู้ที่บาดเจ็บเกือบ 1,700 คน 

มีรายงานจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เผยว่า ขณะนี้ มีผู้ลี้ภัยชาวยูเครนเพิ่มขึ้นเป็นรายชั่วโมง ล่าสุดมีผู้ลี้ภัยชาวยูเครนที่อพยพหนีการสู้รบแล้วมากกว่า 520,000 คน และคาดว่าจำนวนจะเพิ่มสูงขึ้นอีก

ขณะที่ชาติตะวันตกเพิ่มมาตรการลงโทษรัสเซียเพิ่มขึ้น โดยประกาศปิดน่านฟ้าสำหรับสายการบินรัสเซียใน 36 ประเทศ และปิดกั้นการเผยแพร่สื่อของรัสเซีย ได้แก่ RT และ Sputnik ในสหภาพยุโรป

ส่วนความคืบหน้าอื่นๆ เริ่มมีความช่วยเหลือด้านยุโธปกรณ์จากสหรัฐ สวีเดน เยอรมนี เข้าไปสนับสนุนการต่อสู้ของชาวยูเครน