นายดมิโทร ออร์ลอฟ นายกเทศมนตรีเมืองอีเนอร์โกดาร์ของยูเครน เปิดเผยว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia) ในยูเครน หลังจากกองกำลังทหารของรัสเซียได้เข้าโจมตีในพื้นที่ดังกล่าว

นายออร์ลอฟ กล่าวว่า เกิดการยิงปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารของยูเครนและทหารของรัสเซียในเมืองอีเนอร์โกดาร์ และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต

“ผลจากการที่ศัตรูยิงถล่มอาคารและที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ทำให้โรงงานแห่งนี้ไฟไหม้ ส่งผลให้สถานการณ์ดังกล่าวกลายเป็นภัยคุกคามความปลอดภัยของโลก” นายออร์ลอฟ กล่าว

หน่วยงานยูเครนรายงานก่อนหน้านี้ว่า กองกำลังทหารรัสเซียพยายามรุกคืบเพื่อที่จะยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ และได้นำรถถังเข้ามาในเมืองอีเนอร์โกดาร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าว

ทางด้าน นายแอนดรี ทุซ โฆษกโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย กล่าวว่า “เราขอให้รัสเซียยุติการยิงอาวุธหนัก เพราะนี่เป็นภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นในสถานีพลังงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป”

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียเป็นแหล่งผลิตพลังงานในสัดส่วน 25% ของยูเครน

ในขณะที่ นายดมีโตร คูเลบา (Dmytro Kuleba) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน โพสต์ข้อความว่า  “กองทัพรัสเซียระดมยิงจากทุกทิศทุกทางเพื่อโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป หากเกิดการระเบิดออกมาแล้ว จะใหญ่กว่า Chornobyl 10 เท่า! รัสเซียต้องหยุดยิงทันที และปล่อยให้นักดับเพลิงเข้าไปควบคุมสถานการณ์”