หลังจากการที่รัสเซียเปิดฉากการยกกองทัพบุกเข้าไปในยูเครน 3 ทางด้วยกัน คือ จากทางทิศเหนือรุกมาจากประเทศเบลารุส และทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จากรัสเซีย กับทางทิศใต้จากไครเมียที่รัสเซียยึดครองไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา จนลุล่วงเข้าสัปดาห์ที่ 6 ของการรบรุกแล้ว

ยุทธศาสตร์เดิมของรัสเซีย คือ บุกเข้ายึดกรุงเคียฟที่เป็นเมืองหลวงของยูเครนให้ได้ภายใน 48 ชั่วโมง และยึดเมืองสำคัญต่างๆ ทางภาคเหนือของยูเครนทั้งหมด

ส่วนกองทัพที่ที่รุกทางตะวันออกเฉียงใต้ จากการคาดการณ์ของรัสเซียว่ายูเครนคงไม่สามารถต้านทานการการบุกทางทหารที่มีกำลังเหนือกว่าหลายเท่าได้ (รัสเซียมีรถหุ้มเกราะมากที่สุดในโลกคือประมาณ 22,000 คันซึ่งในจำนวนนี้เป็นรถถังต่อสู้ถึง 12,000 คัน ประมาณการกำลังทางทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศโดยรวมแล้วรัสเซียเป็นต่อยูเครนราว 10:1)

Anastasia Vlasova/Getty Imagesหน่วยกู้ภัยนำเศษซากอาคารออกจากเขตที่พักอาศัยในเมืองโบรอดยานกา ของยูเครน เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2565

แต่ปรากฎว่ายุทธศาสตร์ของรัสเซียในการบุกยูเครนนั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง จนเกิดการเจรจาสันติภาพกันที่กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี และเมื่อวันอังคาร ที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา หลังการเจรจาระหว่างผู้แทนสองประเทศรัสเซียตกลงที่จะลดปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน และเมืองเชอร์นิฮิฟ เมืองติดพรมแดนรัสเซีย และเปิดทางให้ชาวยูเครนอพยพออกจากเมืองมาริอูโปล เมืองท่าสำคัญริมฝั่งทะเลอาซอฟ และเป็นศูนย์กลางการปกครองชั่วคราวของแคว้นโดเนตสก์ ซึ่งถูกรัสเซียถล่มด้วยทางอากาศและปืนใหญ่แทบไม่เหลือชิ้นดีแต่รัสเซียไม่สามารถยึดครองได้เพราะทั้งทหารและชาวยูเครนแห่งเมืองมาริอูโปลต่อสู้แบบเย็บตานั่นเอง

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนรู้ทันว่าการที่รัสเซียตกลงที่จะลดปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน และเมืองเชอร์นิฮิฟนั้นเนื่องจากรัสเซียประสบความศูนย์เสียอย่างหนักทั้งกำลังทหารและอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ประกอบกับกองกำลังของยูเครนได้ปฏิบัติการตีโต้และยึดพื้นที่เมืองบริวารของกรุงเคียฟกลับคืนมาได้ 

ดังนั้นรัสเซียจึงกำลังรวบรวมกำลังพลอาวุธหนักและเตรียมการโจมตีครั้งใหญ่ที่รุนแรง ในภาคตะวันออกและใต้ของยูเครน รวมทั้งเพิ่มกำลังการปิดล้อมเมืองมารีอูปอลเพื่อที่จะยึดครองเมืองมาริอูโปลให้ได้ 

การที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ออกมาบอกว่ารู้ทันการเปลี่ยนแผนยุทธศาสตร์ในสงครามรัสเซีย-ยูเครนครั้งนี้ เพราะแทนที่จะดำเนินการตามยุทธศาสตร์เดิมที่เข้ายึดเมืองหลวงเคียฟและเมืองสำคัญต่างๆ ทางภาคเหนือภาคตะวันออกและภาคใต้เอาไว้ทั้งหมด แต่จะเปลี่ยนเป็นการมุ่งโจมตีครั้งใหญ่ที่รุนแรง ในภาคตะวันออกและใต้ของยูเครนเพื่อสร้างระเบียงเชื่อมจากรัสเซียตลอดแนวไปถึงเมืองโอเดซา เป็นเมืองใหญ่อันดับสามของประเทศยูเครนและเป็นเมืองท่าสำคัญในทะเลดำเป็นการปิดประเทศยูเครนให้กลายเป็นประเทศไม่มีทางออกทางทะเลโดยเด็ดขาดซึ่งต้องยึดเมืองมารียูปอลให้ได้ด้วยนะครับเพราะเมืองมารียูปอลเป็นเมืองท่าหลักของยูเครนริมฝั่งทะเลอาซอฟ 

ครับ! สงครามรัสเซีย – ยูเครนคงยังไม่จบเร็วหรอกครับ