อ้าว… ลูกชายวัย 38 ถูกแม่บังคับไปหาจิตแพทย์ทุกปี เพราะไม่ยอมแต่งงาน แต่ล่าสุดหมอวินิจฉัยบอกตรงๆ คนป่วยคือแม่ต่างหาก

เรื่องราวของชายแซ่หว่อง กลายเป็นเรื่องราวถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ของจีน หลังจากที่เจ้าตัวออกมาเปิดเผยว่าถูกแม่บังคับให้ไปพบจิตแพทย์ทุกปีเพียงเพราะเขาอายุ 38 ปี และยังไม่ได้แต่งงาน

นายหว่อง ชายวัย 38 ปี จากเมืองซินเซียง มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน เล่าว่า แม่ของเขาพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลจิตเวชเป็นเวลา 4 ปีติดต่อกันในทุกช่วงต้นปี หลังจากแม่เห็นว่าไม่มีปีใหม่ที่ลูกชายจะพาแฟนสาวไปเปิดตัวที่บ้านในช่วงตรุษจีน สิ่งนี้ทำให้เธอเชื่อว่าจิตใจของลูกชายเธอ “มีปัญหา”  หรือ “มีบางอย่างผิดปกติในหัว”

เหตุผลข้างต้นคือแรงกระตุ้น ที่ทำให้แม่บังคับนายหว่องให้ไปหาหมอทุกปี นับตั้งแต่ปี 2020 และเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ชายโสดวัย 38 ปีรายนี้ยังคงถูกแม่ของเขาพาส่งโรงพยาบาลจิตเวชในจังหวัดฮานัม อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้แพทย์วินิจฉัยว่านายหว่องไม่ได้ป่วย แต่แม่ของเขาต่างหากที่มีปัญหา เนื่องจากเธอพัฒนาความผิดปกติทางจิตจากการ “บังคับให้ลูกชายแต่งงาน”

นายหว่องเล่าด้วยว่า เขาเรียนและทำงานที่ปักกิ่งมากว่า 10 ปี ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นนักกีฬาและปัจจุบันเป็นโค้ชเทนนิส เพราะงานยุ่งเลยไม่ได้เจอใครที่เหมาะสมเลย ในขณะเดียวกันแม่ของเขาก็ผิดหวังจนนอนไม่หลับ เพราะลูกชายของเธอยังไม่แต่งงาน แม้นายหวังจะอธิบายว่าเขายังไม่มีเงินมากพอ สำหรับจ่ายเงินมัดจำเพื่อซื้อบ้านในกรุงปักกิ่ง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะแต่งงานและมีชีวิตที่มั่นคง  แล้วใครจะมาแต่งงานกับคนแบบเขา

“ผมไม่ควรถูกชี้ว่าเป็นคนโสด ผมแค่ยุ่งมากและยังไม่เจอคนที่ใช่ แม่ของผมนอนไม่หลับเพราะผมยังไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นผมจึงค่อนข้างรู้สึกไม่ดี” 

นายหว่องยอมรับว่ายอมไปโรงพยาบาลเพื่อความสบายใจของแม่ เนื่องจากครอบครัวของเขาอยู่ในชนบท และผู้ใหญ่ที่นี่มีความเชื่อว่าอายุ 30 ปีโดยไม่แต่งงาน จะถือว่าแก่และมีปัญหาเกี่ยวกับจิตใจ ทำให้ตัวเขาเป็นที่รู้จักในฐานะ “ชายโสดวัยชรา”

หลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมา มีผู้รับชมคลิปวิดีโอมากกว่า 4 พันล้านครั้ง ก่อให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับแรงกดดันให้แต่งงานก่อนกำหนดในประเทศที่มีผู้คนหลายพันล้านคน พร้อมตั้งคำถามว่า “ทำไมเราถึงทำตัวเป็นคนบาปในสังคมถ้าไม่แต่งงาน”

ยิ่งในช่วงตรุษจีน เมื่อคนหนุ่มสาวที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่เดินทางกลับภูมิลำเนา ความขัดแย้งระหว่างรุ่นต่อรุ่นเรื่องการแต่งงานจะทวีความรุนแรงขึ้น เพราะในขณะที่คนรุ่นเก่าในจีนต้องการให้ลูกๆ แต่งงานและมีลูกเร็วๆ แต่คนรุ่นหลังมักจะแต่งงานช้ากว่าหรือไม่เชื่อเรื่องการแต่งงานด้วยเหตุผลหลายประการ ซึ่งรวมถึงความกดดันในชีวิตประจำวันและการขาดการสนับสนุนทางสังคม

นอกจากนี้ ในพื้นที่ชนบทหลายแห่งยังยึดหลักปฏิบัติเรื่อง “ราคาเจ้าสาว” ซึ่งครอบครัวของเจ้าบ่าวจะต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้กับครอบครัวของเจ้าสาว เพื่อขออนุญาตแต่งงานกัน

ชาวเน็ตหลายคนมองว่าอาการที่นายหว่องควรได้รับการตรวจจริงๆ แล้วไม่ใช่ปัญหาทางจิตใจหรืออุดมการณ์ แต่เป็น “โรคที่น่าสงสาร” เพราะต้องทำงานยุ่ง ไม่มีเงินดาวน์ซื้อบ้าน นี่แหละคือสาเหตุหลัก นอกจากนี้ และคนหนุ่มสาวหลายคนยังแสดงความคิดเห็นว่า การแต่งงานเป็นเรื่องส่วนตัวของลูก พ่อแม่ไม่สามารถบังคับได้