สุดอาลัย ช่างภาพข่าวรอยเตอร์ดับ หลังถูกทิ้งขณะทหารอัฟกันถอยทัพหนีตาลิบัน

นายดานิช ซิดดิกี ช่างภาพข่าวชาวอินเดียวัย 38 ปี เสียชีวิตขณะรายงานข่าวในประเทศอัฟกานิสถานเมื่อไม่นานนี้

พลเอก ไฮบาตุลลาห์ อะลิไซ อดีตนายพลของกองทัพอัฟกานิสถาน เผยว่า นายซิดดิกีถูกทิ้งกลางสมรภูมิรบที่ดุเดือดไว้กับสมาชิกหน่วยคอมมานโด 2 คน โดยเข้าใจผิดว่าพวกตนอยู่ในขบวนรถที่กำลังถอนออกจากพื้นที่

เหตุการณ์ดังกล่าวมีทหาร 4 คนเห็นว่านายซิดดิกีและหน่วยคอมมานโด 2 คนนั้นถูกโจมตีจริงๆ

“พวกเขาโดนทิ้งไว้ที่นั่น” พล.อ.อะลิไซ กล่าว

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ที่ทำให้นายซิดดิกีเสียชีวิตยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนออกมา ด้านเจ้าหน้าที่ของอัฟกานิสถานและรัฐบาลอินเดียเผยกับรอยเตอร์ ซึ่งเป็นสำนักข่าวต้นสังกัดของนายซิดดิกี เพียงว่า ร่างของนายซิดดิกีเสียหายอย่างหนักขณะอยู่ในมือของกลุ่มตาลิบันหลังเสียชีวิต แต่กลุ่มตาลิบันปฏิเสธเรื่องนี้

นายฟิลิป บอยซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านขีปนาวุธจากสหราชอาณาจักร ที่รอยเตอร์ขอคำปรึกษา ประเมินจากรูปถ่ายที่โพสต์ในโซเชียลมีเดียหลังนายซิดดิกีถูกโจมตี และเปรียบเทียบภาพเหล่านี้กับภาพถ่ายอื่นและภาพเอกซ์เรย์ที่ได้หลังจากกลุ่มตาลิบันคืนร่างนายซิดดิกีมาให้ ซึ่งสรุปได้ว่านายซิดดิกีน่าจะถูกยิงซ้ำหลายนัดหลังเสียชีวิตไปแล้ว แต่ไม่น่าจะถูกรถแล่นทับตามที่มีรายงานหลายชิ้นเผยแพร่ออกมา

ด้านนายซาบิฮุลลาห์ มูจาฮิด โฆษกของกลุ่มตาลิบัน ปฏิเสธเรื่องดังกล่าว และเชื่อว่านายซิดดิกีถูกโจมตีตั้งแต่ก่อนสมาชิกกลุ่มตาลิบันพบร่าง

ย้อนเหตุการณ์ก่อนเสียชีวิต

เมื่อกลุ่มดิดอาวุธตาลิบันเริ่มบุกเข้าไปยึดครองเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา จนมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนจากการโจมตีดังกล่าว นายซิดดิกีและสำนักข่าวรอยเตอร์ประเมินความเสี่ยงของการทำข่าวดังกล่าวแล้ว ก่อนส่งนายซิดดิกีเข้าไปในพื้นที่และไปถึงฐานทัพแห่งหนึ่งของกองกำลังพิเศษอัฟกานิสถานในเมืองกันดาฮาร์ ทางใต้ของประเทศ เมื่อวันที่ 11 ก.ค.

เมื่อวันที่ 13 ก.ค. นายซิดดิกีเข้าไปรายงานภารกิจการช่วยชีวิตตำรวจคนหนึ่งที่ถูกกลุ่มตาลิบันล้อม ขบวนรถที่ตนเข้าไปอยู่ด้วยนั้นก็กลับออกจากพื้นที่เมื่อถูกระเบิดติดจรวด (อาร์พีจี) ถล่ม และรถฮัมวีที่ตนนั่งมานั้นก็โดนอาร์พีจียิงใส่ นายซิดดิกีถ่ายคลิปนั้นได้และส่งกลับไปให้รอยเตอร์ และภายหลังก็มีการแชร์คลิปนี้ผ่านทวิตเตอร์

3 วันต่อมา นายซิดดิกีและเจ้าหน้าที่คอมมานโด 2 คนเสียชีวิตอย่างที่กล่าวถึงข้างต้น ขณะไปรายงานข่าวในอีกภารกิจที่พยายามยึดเมืองสปินโบลดัก ที่เป็นเมืองสำคัญบริเวณชายแดนปากีสถาน คืนมา แต่ภารกิจนี้ล้มเหลว ซึ่งความล้มเหลวนี้เกิดขึ้นในช่วงแรกที่กองทัพอัฟกานิสถานส่อเค้าว่าจะควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่แล้ว

สร้างผลงานที่น่าจดใจ

นายซิดดิกีร่วมงานกับรอยเตอร์ตั้งแต่ปี 2553 ในฐานะพนักงานฝึกหัด หลังจากนั้นก็ได้รับการอบรมการทำข่าวในสภาพอันตราย ทั้งยังเคยไปรายงานสถานการณ์ในอัฟกานิสถานและอิรักซึ่งไปกับทหารเสมอ และได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าช่างภาพของรอยเตอร์ อินเดีย เมื่อปี 2562

ช่างภาพข่าวชาวอินเดียรายนี้ได้รับรางวัลหลายชิ้น หนึ่งในนั้น รางวัลพูลิตเซอร์ จากการรายงานวิกฤตผู้อพยพชาวโรฮิงญา

นอกจากนี้ยังสร้างผลงานที่เพื่อนร่วมงานยังจดจำได้จนถึงทุกวันนี้หลายชิ้นด้วย อย่างเช่น การถ่ายภาพข่าวที่บันทึกความตึงเครียดของผู้นับถือศาสนาฮินดูและผู้นับถือศาสนาอิสลามในอินเดีย ที่ตนต้องหลบก้อนหิน ระเบิดขวด และระเบิดน้ำมัน จนได้ภาพชายที่นับถือศาสนาอิสลามคนหนึ่งที่ถูกผู้ประท้วงชาวฮินดูทุบตี ภาพดังกล่าวและภาพอื่นที่ได้จากเหตุการณ์นั้นสร้างความไม่พอใจต่อผู้คนที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมในอินเดีย ซึ่งลุกลามจนเป็นกระแสที่พูดถึงไปทั่วประเทศ

ปี 2564 ยังเป็นปีที่นายซิดดิกีเผยแพร่ภาพการเผาศพเหยื่อจากโรคโควิด-19 จำนวนมาก ที่ฉายภาพความรุนแรงของการระบาดของโรคดังกล่าวในอินเดีย ในขณะที่รัฐบาลยืนยันว่าใช้มาตรการต่างๆ เพียงพอแล้วในการควบคุมการระบาด ภาพถ่ายเหล่านี้กลับถูกวิจารณ์ในโซเชียลมีเดียและชาวเน็ตที่สนับสนุนรัฐบาลอินเดียต่างตราหน้านายซิดดิกีว่าเป็น “แร้ง” ที่หากินกับความตาย 

นายซิดดิกี เคยกล่าวบนเวทีเท็ดทอล์ก เมื่อปี 2563 ว่างานของตนเปรียบเสมือนกระจก ที่จะพาทุกคนสัมผัสกับความจริงที่แท้จริง

“บทบาทของผมคือเป็นกระจากและผมอยากให้ทุกคนเห็นความจริงที่ดิบๆ และทำให้คุณเป็นสักขีพยานต่อความจริงนั้นๆ” นายซิดดิกี กล่าว

“คุณเลือกได้ว่าจะเบือนหน้าหนีหรือจะลุกขึ้นแล้วสร้างการเปลี่ยนแปลง”