หญิงชรากินแต่เกี๊ยวกับผัก พอตายถึงรู้ว่ามีเงินสดในบ้าน 5 ล้าน ยิ่งรู้ที่มาของเงินยิ่งเศร้า

สุดเศร้า หญิงชรากินแต่เกี๊ยวกับผัก  เสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว พบในบ้านมีเงินสด 5 ล้าน แต่ไม่ยอมใช้ เพราะคนสำคัญหามาให้

เรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่เสียชีวิตด้วยโรคชรา โดยไม่มีสามีและลูกอยู่ข้างๆ ดังนั้นเพื่อนบ้านจึงรับหน้าที่ช่วยจัดงานศพ และจัดการเรื่องต่างๆ ให้ และก็ต้องตกใจเมื่อเข้ามาเก็บของในบ้านและพบกับ กระเป๋าจำนวน 5 ใบ ที่ภายในเต็มไปด้วยเงินสด

ตามรายงานพบว่า ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2018 พนักงาน 6 คน ของธนาคารในมณฑลกว่างซี ประเทศจีน ได้รับมอบหมายงานพิเศษจากผู้บังคับบัญชา ส่งพวกเขาไปยังหมู่บ้านห่างไกลเพื่อนับ
จำนวนเงินที่ชาวบ้านพบ

เมื่อไปถึงก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นบ้านเก่าๆ อิ่มครีม ข้างในมืดครึ้ม ขึ้นรา ไม่น่าจะมีทรัพย์สินมีค่าใดๆ อยู่ข้างใน มีเพียงกระเป๋า 5 ใบ วางไว้กลางบ้าน เมื่อเปิดออกพวกเขาตกใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อพบว่าข้างในเต็มไปด้วยเงินสดจำนวนมาก ตั้งแต่เหรียญ 1 เซ็นต์ ไปจนถึงธนบัตร 100 หยวน ทั้งหมดยับยู่ยี่แต่ยังสามารถนำไปใช้จ่ายได้ หลังจากตรวจนับนานกว่า 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็รวบรวมเงินได้ทั้งหมด 970,000 หยวน (ประมาณ 4.8 ล้านบาท)

เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวคือผู้หญิงที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ป้าหว่อง” จากคำบอกเล่าของเพื่อนบ้าน ป้าหว่องไม่ค่อยออกไปมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง คุยกับใครไม่เกิน 3 ประโยค ดูเหมือนมีโลกส่วนตัว เธอมักปิดบ้านเงียบอยู่คนเดียวเสมอ ไม่มีญาติหรือเพื่อนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ

บ้านของป้าหว่องมีเพียงแสงริบหรี่เสมอ เช่นเดียวกับบนโต๊ะที่มีเพียงเกี๊ยวและผักดองเท่านั้น ไม่มีเนื้อสัตว์ใดๆ เธอสวมเสื้อผ้าที่ขาดเป็นหย่อมๆ ก่อนหน้านี้เพื่อนบ้านต่างเห็นอกเห็นใจ มักจะช่วยเหลือด้วยการให้อาหารและเสื้อผ้า แต่เธอปฏิเสธเสมอ ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นก็พยายามช่วยเหลือเธอ ด้วยการสนับสนุนทางการเงิน แต่เพียงบางส่วนเท่านั้น

เมื่อป้าหว่องป่วย เธอก็ไม่ยอมไปตรวจที่โรงพยาบาล กระทั่งเธอเป็นลมกลางบ้าน เพื่อนบ้านจึงพาเธอไปที่ห้องฉุกเฉิน ในเวลานั้นหากเพื่อนบ้านไม่พบเธออาจเสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อเธอตื่นขึ้นก็ยืนกรานที่จะกลับบ้านอีก โดยบอกว่าเธอไม่ต้องการได้รับการดูแล และท้ายที่สุดทุกคนก็ต้องพาเธอกลับไปที่บ้านหลังทรุดโทรมหลังเดิม

ดังนั้น เมื่อป้าหว่องเสียชีวิตและเจอเงินมากมายที่เก็บไว้ในบ้าน หลายคนจึงเกิดคำถามว่า คนยากจนและมัธยัสถ์อย่างป้าหว่อง จะปเก็บเงินมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร? และในเมื่อเธอมีเงินมากมาย ทำไมเธอต้องมีชีวิตอยู่อย่างน่าสั่งเวชด้วย? กระทั่งพบคำตอบจากกล่องกระดาษ 2 กล่องในบ้านของเธอเอง ที่ภายในบรรจุจดหมายที่ถูกเก็บรักษาอย่างดี แสดงให้เห็นว่าเธอหวงแหนจดหมายเหล่านี้มากเพียงใด เป็นจดหมายโต้ตอบระหว่างป้าหว่องกับสามีของเธอ

ย้อนกลับไปในปี 1934 ซึ่งเป็นปีเกิดของนป้าหว่อง ในช่วงสงครามครอบครัวของเธอยากจนมาก การเกิดมาของลูกสาวคนนี้ทำให้พ่อแม่ของเธอรู้สึกหดหู่ใจมากขึ้น เพราะพวกเขาต้องการ
ลูกชายมาโดยตลอด ในฐานะลูกสาวคนที่สามของครอบครัว ป้าหว่องต้องหาเลี้ยงชีพตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีอาหารกิน เสื้อผ้าไม่พอใช้ ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ และพ่อแม่ของเขามักจะรักน้องชายของเขา

เมื่อโตขึ้นป้าหว่องถูกจับคู่กับสามี ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 2497 อาศัยอยู่ในเมืองผิงเซียง โชคดีที่สามีคนนี้ปฏิบัติต่อเธออย่างอ่อนโยน ทั้งคู่ขยันทำงานโดยหวังว่าจะมีอนาคตที่ดี หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ตั้งครรภ์ โดยคิดว่าการมีลูกจะทำให้ครอบครัวมีความสุขมากขึ้น แต่เนื่องจากเธอก็ให้กำเนิดลูกสาวถึง 2 คน ทำให้ครอบครัวของสามีปฏิเสธไม่ดีนัก ถึงกระนั้นสามีก็ยังอยู่ดูแลเธอและลูกๆ เสมอ รักเธอและลูกอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม วันหนึ่งลูกสาวบ่นกับป้าหว่องว่าปวดท้อง ตอนแรกเธอคิดว่าลูกแค่ท้องเสีย จึงไปซื้อยามาให้กินตามปกติ โดยไม่คาดคิดจู่ๆ สถานการณ์กลับแย่ลง กว่าลูกจะถูกพาไปส่งโรงพยาบาลก็สายเกินไปแล้ว ป้าหว่องไม่อยากจะเชื่อความจริงข้อนี้ เธอร้องไห้และเป็นลมเมื่อต้องสูญเสียลูกไป เธอตกอยู่ในภาวะเศร้าอย่างรุนแรง โชคดีที่มีสามีและลูกสาวอีกคนคอยดูแลจนกระทั่งหายเป็นปกติ ในเวลานั้นป้าหว่องมุ่งมั่นที่จะมอบความรักและความเอาใจใส่ทั้งหมดให้กับลูกสาวคนนี้ เพื่อชดเชยความเสียใจทั้งหมด

น่าเสียดายที่โศกนาฎกรรมซ้ำรอยอีกครั้ง ลูกสาวตัวน้อยก็จากไปเช่นเดียวกับน้องสาวของเธอ ป้าหว่องต้องทนทุกข์ทรมานอย่างต่อเนื่องจากความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูก ถึงกับเคยคิดที่จะจบชีวิตตัวเอง แต่คำพูดของสามีทำให้เธอได้สติขึ้นมา เขาบอกว่าเขาก็เสียใจพอๆ กันกับการสูญเสียลูก แต่ถ้าเขาเห็นแก่ตัวด้วย ภรรยาของเขาจะไม่เหลือใครในโลกนี้

ไม่กี่ปีต่อมา สามีตัดสินใจไปหางานทำที่เหมืองหิน โดยหวังว่าจะช่วยให้ภรรยามีชีวิตที่ดีขึ้น แม้ว่างานจะหนักและอันตราย แต่ก็ได้รับค่าตอบแทนที่สูง ทุกๆ เดือนที่เขาได้รับเงิน เขาจะส่งมันกลับไปให้ป้าหว่องทันที ในช่วงปีต่อๆ มา ทั้งสองสื่อสารกันได้ทางจดหมายเท่านั้น ถ้อยคำหวานซึ้งเปี่ยมด้วยความรักช่วยให้ทั้งสองประโลมใจได้บ้าง จนกระทั่งวันหนึ่งป้าหว่องไม่ได้รับจดหมายจากสามีเหมือนเคย เธอมีลางสั่งหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อวันรุ่งขึ้นได้ข่าวว่าสามีของเธอถูกฝังอยู่ในเหมืองที่ถล่มลงมา

การสูญเสียนที่สำคัญที่สุดในชีวิตไปทีละคน ป้าหว่องก็เหมือนสูญเสียจิตวิญญาณไปด้วย เธอก็ไม่เคยมีรอยยิ้มอีกเลย และแม้แต่ความตายก็ไม่สนใจอีกต่อไป ส่วนเงินที่สามีเคยส่งมาให้นั้นเธอก็ไม่ได้ใช้ เพราะทุกครั้งที่เห็นมันเธอก็ระลึกถึงสามี เธอจึงเก็บมันใส่ไว้ในกระเป๋า 5 ใบ เก็บไว้ที่บ้าน ทุกวันเธอกินแต่อาหารซ้ำๆ ใช้ชีวิตราวกับว่าเธอเป็นเงา

ในปี 2018 ป้าหว่องจากไปอย่างสงบเนื่องจากอาการป่วย เมื่อเก็บข้าวของเพื่อจัดงานศพของเธอ เพื่อนบ้านก็ค้นพบข้อเท็จจริงนี้ เนื่องจากเธอไม่มีญาติพี่น้องเหลืออยู่ เงินจำนวนมากจึงถูกนำไปสมทบกองทุนประกันสังคมในท้องถิ่น