ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เปิดเผยว่า ทางการยูเครนพบร่างผู้เสียชีวิตจำนวน 410 รายใกล้กับกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เมื่อวานนี้ (3 เม.ย.) หลังจากที่รัสเซียถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าว

ประธานาธิบดีเซเลนสกี เปิดเผยกับสำนักข่าวซีบีเอสของสหรัฐว่า การกระทำดังกล่าวของรัสเซียถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

ข่าวการพบร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมากกว่า 400 รายใกล้กับกรุงเคียฟ ส่งผลให้นานาประเทศออกมาประณามรัสเซียในทันที โดยนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า ภาพและฟุตเทจที่ปรากฏบนสื่อต่างๆ แสดงให้เห็นว่ามีร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมากอยู่ตามท้องถนนในเมืองบูกา ซึ่งอยู่ใกล้กรุงเคียฟ

“ภาพดังกล่าวที่ปรากฏแก่สายตาชาวโลกในขณะนี้ ทำให้เราเชื่อว่ารัสเซียเป็นอาชญากรสงคราม และเรากำลังดำเนินการในเรื่องนี้” นายบลิงเกน ระบุ

ขณะที่ นายจอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐไม่มั่นใจในคำมั่นสัญญาของรัสเซียที่ว่าจะลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟ โดยนายเคอร์บีมองว่า การที่รัสเซียถอนกำลังทหารบางส่วนจากกรุงเคียฟนั้นเป็นการ “กลับมาตั้งหลัก” ไม่ใช่การถอนทหารอย่างแท้จริง พร้อมกับแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะใช้กำลังทหารโจมตีครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ของยูเครน

ทางด้าน นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษเปิดเผยผ่านทางทวิตเตอร์ว่า เขารู้สึกตกใจกับภาพพลเรือนที่ถูกสังหารจำนวนมากในเมืองบูกา และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตรวจสอบเรื่องนี้เพื่อหาตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลัง