หนุ่มจัดฉากตาย หนีคดีข่มขืน ฉ้อโกงแม่บุญธรรม-เมีย สุดท้ายโดนจับเพราะป่วยโควิด

อดีตนักเคลื่อนไหวสวัสดิภาพเด็กจัดฉากการตาย หนีคดีฉ้อโกงและข่มขืน แต่สุดท้ายโดนรวบ ขณะกำลังป่วยอยู่ใน รพ. เพราะติดเชื้อโควิด-19

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พบชายชาวโรดไอแลนด์ สหรัฐอเมริกา แกล้งทำเป็นตายเพื่อหลบเลี่ยงข้อหาฉ้อโกงและข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ หลังจากเข้าถูกพบว่ายังมีชีวิตอยู่ในสกอตแลนด์

ชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า นิโคลัส อลาเวอร์เดียน หรือ นิโคลัส รอสซี เป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านระบบสวัสดิการสำหรับเด็กของรัฐ ซึ่งถูกระบุว่าเสียชีวิตเมื่ออายุ 32 ปี จากภาวะแทรกซ้อนจากโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบบนอน-ฮอดจ์กิน เมื่อปี 2563

แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลค้นพบว่า ปัจจุบันเขายังมีชีวิตอยู่ภายใต้ชื่อใหม่ว่า อาเธอร์ ไนท์ และกำลังป่วยหนักและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังจากติดเชื้อโควิด-19 และนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์

รายงานระบุว่า อลาเวอร์เดียน ถูกตำรวจสากลจับระหว่างนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลเมื่อเดือนที่แล้ว สร้างความตื่นตกใจให้กับบรรดาบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งไม่รู้มาก่อนเลยว่าพวกเขากำลังรักษาผู้ต้องหาหนีคดี

ด้าน สำนักงานนายอำเภอของยูทาห์เคาน์ตี ระบุว่า อลาเวอร์เดียนแกล้งตายก่อนหน้านี้ เพื่อหนีข้อกล่าวหาเขาในรัฐยูทาห์และโอไฮโอ โดยข้อหาแรกเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศในรัฐยูทาห์ ซึ่งเขาใช้ชื่อว่านิโคลัส รอสซี ต่อมาเจ้าหน้าที่รัฐสืบพบว่า รอสซีคือผู้ต้องสงสัยจากคดีอีกหลายคดีที่คล้ายคลึงกันในยูทาห์และจากทั่วประเทศ

ในปี พ.ศ.2551 รอสซี หรือ อลาเวอร์เดียน ถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงในคดีล่วงละเมิดทางเพศสองคดี ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ข่มขืนที่เกิดขึ้นกับนักศึกษาคนหนึ่งในบริเวณช่องบันไดของอาคารวิทยาลัยซินแคลร์ คอมมูนิตี ในเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ

นอกจากนี้ เขายังโดนตั้งข้อหาฉ้อโกงในโอไฮโอ โดยเขาถูกกล่าวหาว่าหลอกเอาเงินจากแม่บุญธรรมของเขาไป 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.6 ล้านบาท) และจากอดีตภรรยาของเขาอีก 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 2 ล้านบาท)

ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ก็มีข่าวว่าอลาเวอร์เดียน เสียชีวิตจากโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยเป็นข่าวที่ส่งมาทางอีเมลและโทรศัพท์จากผู้หญิงที่อ้างตัวว่าเป็นภรรยาของเขา

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐไม่ปักใจเชื่อ โดยทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและเจ้าหน้าที่จากหน่วยสืบสวนกลางหรือเอฟบีไอ ได้ส่งต่อข้อมูลของอลาเวอร์เดียนไปยังหน่วยงานระหว่างประเทศ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลไปพบเขาภายใต้ชื่อใหม่ ขณะที่นอนป่วยอยู่ในประเทศสกอตแลนด์

ทั้งนี้ ทางสำนักงานจะร่วมมือกับหน่วยสืบสวนกลางและเจ้าหน้าที่ตำรวจสากล เพื่อคุมตัวอลาเวอร์เดียนกลับมาดำเนินคดีที่รัฐยูทาห์ต่อไป