หนุ่มอดีตแกนนำม็อบนักศึกษา ผงาดเป็นประธานาธิบดีชิลี ในวัยเพียง 35 ปี

ชิลีเพิ่งได้ประธานาธิบดีคนใหม่ หลังจากผลการเลือกตั้งถูกนับออกมาแล้วชี้ว่า คะแนนกว่า 55.8 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิออกเสียงในชิลี ตัดสินใจเลือกอดีตแกนนำม็อบนักศึกษาขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศ โค่นล้มผู้ท้าชิงฝ่ายขวาตกขอบอย่างง่ายดาย

กาเบรียล บอริก ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนอย่างน้อย 55.8 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเลือกเขาขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศชิลี เอาชนะคู่แข่งฝ่ายขวาจัดอย่าง โฮเซ่ แอนโทนิโอ คาสต์ ได้ขาดลอย ทั้งนี้ คาสต์ได้แถลงยอมรับความพ่ายแพ้และแสดงความยินดีต่อบอริกผู้นำคนใหม่ของชิลี

การขึ้นสู่อำนาจของบอริกมิได้เป็นเพียงชัยชนะของฝ่ายซ้ายในชิลีเท่านั้น แต่บอริกได้สร้างสถิติผู้นำคนใหม่ของชิลีที่มีอายุน้อยที่สุดด้วยวัย 35 ปีเท่านั้น โดยบอริกจะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประะานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 11 มีนาคมปีหน้า และจะปกครองประเทศไปถึง ค.ศ.2026

“เวลาข้างหน้าจะไม่ใช่เรื่องง่าย” บอริกกล่าวกับประชาชน หลังเขาได้รับการยืนยันว่าตัวเองได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างแน่ชัดแล้ว ทั้งนี้ ชิลีกำลังประสบกับปัญหาการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง โดยเฉพาะความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการประท้วงต่อต้านความไม่เท่าเทียมครั้งใหญ่ใน ค.ศ.2019

“มีเพียงแต่ความสมัครสมานสามัคคีทางสังคม การหาตัวตนของเราใหม่อีกครั้ง และการหาจุดร่วมกัน ที่จะสามารถนำพาเราไปสู่การยกระดับการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ ซึ่งจะส่งผลไปสู่ชาวชิลีทุกคน” บอริกกล่าว เพื่อพยายามสานความร่วมมือกับฝ่ายขั้วตรงข้าม หลังพรรคและมวลชนฝ่ายขวาโจมตีเขาว่าไม่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศ

ในขณะเดียวกัน คาสต์ได้ระบุกับมวลชนฝ่ายขวาของเขาว่า “พวกเราสามารถไว้ใจ กาเบรียล บอริก ได้” หลังคาสต์รับรู้ได้ว่าเขากำลังแพ้การเลือกตั้งในครั้งนี้ ในขณะที่ คาโรล คาริโอลา สมาชิกรัฐสภาหญิงชิลีจากพรรคคอมมิวนิสต์งระบุกับผู้สื่อข่าวว่า “นี่เป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ ฉันยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่เลย”

ก่อนการขึ้นเป็นประธานาธิบดึคนใหม่ของบอริกในวัย 35 ปี บอริกเคยเป็นแกนนำนักศึกษาเมื่อช่วง ค.ศ.2011 ก่อนที่จะเปลี่ยนบทบาทของตัวเองมาสู่สนามการเมืองในสภา ด้วยการรับเลือกตั้งเข้าไปเป็นผู้แทนในรัฐสภาชิลีกว่า 2 สมัย ก่อนที่บอริกจะประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปลายปีนี้ และคว้าชัยชนะมาได้เมื่อคืนวาน