“อู่ฮั่น” ตรวจโควิดทั้งเมือง 11 ล้านคน เสร็จภายใน 5 วัน

อู่ฮั่น, 9 ส.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) หลี่เทา รองเลขาธิการประจำรัฐบาลเทศบาลนครอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีน แถลงข่าวว่าอู่ฮั่นเสร็จสิ้นการทดสอบกรดนิวคลีอิกอย่างครอบคลุมทั่วเมืองภายในเวลา 5 วัน เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ระลอกล่าสุด

หลี่กล่าวว่ามีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 11.28 ล้านคน เข้ารับการทดสอบกรดนิวคลีอิกระหว่างการตรวจโรคโควิด-19 ทั่วเมืองที่เริ่มขึ้นเมื่อวันอังคาร (3 ส.ค.) ซึ่งหมายความว่าอู่ฮั่นดำเนินการตรวจโรคโควิด-19 ครอบคลุมผู้อยู่อาศัยทุกคนโดยทั่วไปแล้ว ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี และนักศึกษาที่ปิดภาคเรียนช่วงฤดูร้อน

อู่ฮั่นดำเนินการทดสอบกรดนิวคลีอิกขนานใหญ่หลังมีรายงานผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ติดเชื้อในท้องถิ่นในหมู่แรงงานต่างถิ่นเมื่อวันจันทร์ (2 ส.ค.) โดยหากนับถึงวันเสาร์ (7 ส.ค.) อู่ฮั่นตรวจพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อในท้องถิ่นรวม 37 ราย และผู้ป่วยที่ติดเชื้อในท้องถิ่นแบบไม่แสดงอาการ 41 ราย ท่ามกลางการระบาดระลอกล่าสุด

เผิงโฮ่วเผิง รองหัวหน้าคณะกรรมการสุขภาพเทศบาลนครอู่ฮั่น กล่าวว่ามีการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 9 ราย จากการตรวจคัดกรองขนานใหญ่ของชุมชนที่อยู่อาศัยภายใต้การบริหารจัดการแบบปิด ขณะเดียวกันตรวจพบผู้ป่วยรายอื่นในกลุ่มผู้มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดที่อยู่ระหว่างกักตัว

เฉินเสี่ยวผิง นักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน กล่าวว่าผลการทดสอบกรดนิวคลีอิกทั่วเมืองของอู่ฮั่นบ่งชี้ว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกล่าสุดในอู่ฮั่นไม่ได้ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง โดยการทดสอบกรดนิวคลีอิกขนานใหญ่ช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดในระยะเวลาอันสั้นที่สุดและรับรองความปลอดภัยของประชาชน

รัฐบาลเทศบาลนครอู่ฮั่นระบุว่ามีการติดตั้งจุดเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งมากกว่า 2,800 แห่ง รวมถึงระดมบุคลากรทางการแพทย์มากกว่า 28,000 คน สำหรับการตรวจโรคขนานใหญ่ครั้งนี้

ทั้งนี้ อู่ฮั่น ซึ่งเคยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อต้นปี 2020 เป็นเมืองใหญ่แห่งแรกของโลกที่เสร็จสิ้นการทดสอบกรดนิวคลีอิกอย่างครอบคลุมในปีก่อน โดยตรวจโรคให้ผู้อยู่อาศัยเกือบ 10 ล้านคนภายใน 19 วัน ระหว่างเกิดการแพร่ระบาดหนัก และไม่มีรายงานผู้ป่วยที่ติดเชื้อในท้องถิ่นมานานกว่า 1 ปี

  • โควิดรีเทิร์น! “อู่ฮั่น” พบผู้ติดเชื้อครั้งแรกในรอบปีเศษ พบผลบวกแล้ว 7 ราย