ฮือฮา บ่าวสาวอายุต่างกัน 32 ปี วงในเผยฝ่ายหญิงยอมแต่งเพราะ “สินสอด” เยอะเกินปฏิเสธ

งานแต่งงานที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวอายุต่างกันถึง 32 ปี ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และได้รับความสนใจอย่างมากจากชาวบ้านในพื้นที่ชนบทของมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เจ้าบ่าวเป็นชายสูงวัยอายุ 56 ปี ส่วนเจ้าสาวเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอายุ 24 ปี ที่ทั้งสวยและสาวมาก

จากภาพถ่ายที่เผยแพร่บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก เห็นได้ชัดว่าเมื่อเจ้าสาวและเจ้าบ่าวเดินเคียงข้างกัน ความห่างระหว่างอายุและรูปร่างหน้าตาจะชัดเจนมาก ใครที่ไม่รู้มาก่อนก็อาจคิดว่าเจ้าบ่าวเป็นพ่อเจ้าสาว ซึ่งความจริงแล้วเจ้าบ่าวมีอายุมากกว่าพ่อของเจ้าสาวถึง 4 ปี

ในทางตรงกันข้าม เจ้าสาวสวมชุดแต่งงานสีแดงแบบดั้งเดิม เธอยังดูอ่อนเยาว์และสวยมาก มีรูปร่างสูงกว่า 170 เซนติเมตร ซึ่งสูงกว่าเจ้าบ่าว บุคลิกท่าท่างดูมีเสน่ห์และน่าดึงดูดมาก ดังนั้นเมื่อเดินเข้างานมาพร้อมกับสามีที่อายุมากกว่า 32 ปี จึงเป็นภาพที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่เข้ากันเลย

สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือนี่ไม่ใช่การแต่งงานโดยสมัครใจ ในตอนแรกเมื่อถูกแนะนำให้รู้จักกับเจ้าบ่าวคนนี้ เจ้าสาวก็ปฏิเสธหัวชนฝาเพราะอายุต่างกันมากเกินไป อย่างไรก็ตาม เจ้าบ่าววัย 56 ปีเสนอสินสอดที่เป็นผลประโยชน์มากมาย ทำให้เจ้าสาวและครอบครัวต้องคิดใหม่

เจ้าบ่าวกล่าวว่า ตราบใดที่หญิงสาวตกลงแต่งงานกับเขา เขาจะให้เงินสินสอดแก่ครอบครัวเจ้าสาว 480,000 หยวน (ประมาณ 2.4 ล้านบาท) ซื้อบ้านเรือนหอโดยใช้ชื่อเจ้าสาวเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว นอกจากนี้ ยังจะจัดการเพื่อให้น้องชายของเจ้าสาวได้รับตำแหน่งที่เหมาะสมในบริษัทของเขาด้วย

เมื่อเผชิญกับเงื่อนไขที่น่าดึงดูดเช่นนี้ ความุ่งมั่นเดิมของครอบครัวของเจ้าสาวก็เริ่มสั่นคลอน พวกเขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้ลูกสาวแต่งงานโดยเร็วที่สุด เพราะงานแต่งนี้มีแต่ผลประโยชน์ ไม่มีอะไรเสียเปรียบเลย เจ้าสาวเองก็เริ่มเปลี่ยนทัศนคติและความคิดของเธอทีละน้อย กระทั่งตกลงที่จะแต่งงานกับเจ้าบ่าวในที่สุด

ญาติของเจ้าบ่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าบ่าววัย 56 ปี เคยแต่งงานมีลูกสาว 2 คนกับภรรยาเก่าของเขา แต่หย่าร้างมาหลายปีแล้ว ตอนนี้เขาต้องการมีภรรยาอยู่เคียงข้างเพื่อดูแลเขา แบ่งปันชีวิตไปด้วยกัน และในขณะเดียวกันก็ให้กำเนิดลูกชายอีกคนเพื่อรับมรดกของเขา

อย่างไรก็ดี ภาพถ่ายของงานแต่งงานนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนในชุมชนออนไลน์ของจีน หลายคนต่อต้านและวิพากษ์วิจารณ์การแต่งงานครั้งนี้ว่าเหมือนการ “ขายของ” เจ้าบ่าวและเจ้าสาวตกลงแต่งงานกันทั้งๆ ที่ไม่ได้รักกัน เพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว บ้างก็เพราะอยากได้ลูกชาย บ้างก็เพราะโลภเงิน โดยไม่กังวลที่จะถูกคนอื่นชี้หน้าด่า