นายเดวิด เพาเวลล์ ที่ปรึกษาด้านการแพทย์แก่สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาต้า) ให้สัมภาษณ์บลูมเบิร์ก สำนักข่าวด้านการเงินและธุรกิจ จากสหราชอาณาจักร ว่าไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอมิครอน มีแนวโน้มเพิ่มความเสี่ยงต่อการรับเชื้อบนเครื่องบินอย่างน้อย 2-3 เท่าตัว

ที่ปรึกษารายนี้ แนะนำว่า ผู้โดยสารควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสพื้นผิวที่มีปกติคนมักจะสัมผัสกัน และจะต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา ล้างมือให้บ่อยๆ และเว้นระยะห่างจากคนอื่นๆ บนเครื่องบิน รวมถึงพยายามไม่รับประทานอาหารบนเครื่องบินยกเว้นเวลาจำเป็นจริงๆ

นายเพาเวลล์ กล่าวต่อไปว่า ปกติแล้วการไม่บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบินทำได้ทันทีสำหรับเที่ยวบินที่ใช้ระยะเวลาไม่นาน แต่ถ้าหากเป็นเที่ยวบินที่มีระยะเวลาบินนาน 10 ชั่วโมง คงจะห้ามไม่ให้ผู้โดยสารรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มไม่ได้แน่ๆ

สิ่งที่สายการบินต่างๆ ทำแล้วคือการเหลื่อมช่วงเวลาให้บริการอาหารและเครื่องดื่มของผู้โดยสารแต่ละคน ไม่ให้ตรงกัน เพื่อให้ยังมีคนที่สวมหน้ากากป้องกันตัวเองในช่วงที่อีกคนกำลังเปิดหน้ากากเพื่อรับประทานอาหาร

อย่างไรก็ตาม นายเพาเวลล์ มองว่าความเสี่ยงที่จะติดไวรัสดังกล่าวบนเครื่องบินก็ยังต่ำกว่าการไปอยู่ในสถานที่บนพื้นดินที่มีผู้คนแออัดอยู่ดี อย่างเช่น ศูนย์การค้า เพราะเครื่องบินรุ่นใหม่มีระบบกรองอากาศที่ได้มาตรฐานทัดเทียมกับที่ใช้ในโรงพยาบาล และสายการบินก็บังคับให้ผู้โดยสารต้องสวมหน้ากากขณะอยู่บนห้องโดยสารด้วย และจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมามีการติดต่อบนเครื่องบินไม่มากเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ

นายเพาเวลล์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่จะปกป้องผู้โดยสารได้ดีที่สุดคือการรับวัคซีนให้ครบและวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน